โปรแกรมการจักการสารสนเทศส่วนบุคคล
(personal information manager)
ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
nจากความเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคสารสนเทศส่งผลให้กลุ่มบุคคลต่าง
ๆ ได้รับผลกระทบ เช่น
- ผู้บริหาร - นักวิชาชีพ
- นักธุรกิจ - นักวิชาการ
-
nในแต่ละวันบุคคลกลุ่มนี้ยังมีภารกิจอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ เช่น
-
การนัดหมาย - การจดบันทึกช่วยจำ
-
การประชุม - การติดตามงาน
nทุกองค์การทั้งภาครัฐและเอกชน จำเป็นต้องมีการวางแผน ด้านต่าง ๆ เช่น
-
การวางแผนด้านสารสนเทศสำหรับองค์การ
(corporate information
plan)
-
การวางแผนด้านสารสนเทศสำหรับตนเอง (personal information
plan)
-
n
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการประกอบกิจการงานและการดำรงชีวิต จึงเกิดแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “การจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล” (Personal Information
Management, PIM)
ความหมายของการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
nสารสนเทศ หมายถึง
ข้อมูลข่าวสารทุกประเภทที่ได้รับ
ซึ่งอาจอยู่ในหลายรูปแบบ เช่น
-
ตัวอักษร - ภาพนิ่ง
- ภาพเคลื่อนไหว - เสียง และอาจมีแหล่งที่มาแตกต่างกันตามชนิดของสื่อ เช่น
- สื่อสิ่งพิมพ์ - โทรสาร
- โทรศัพท์ - ไปรษณีย์เสียง
-
สื่อวิทยุกระจายเสียง - สื่อวิทยุโทรทัศน์
-
สื่อคอมพิวเตอร์
nการจัดการ หมายถึง
การพัฒนากลยุทธ์ที่ชัดเจนในการดำเนินการกับสารสนเทศที่ได้รับซึ่งจำเป็นต้องอาศัยทักษะหลายด้าน
ซึ่งอาจอยู่ในหลายรูปแบบ เช่น
-
การจัดเก็บ - การดูแลรักษา
-
การสืบค้น - การแสดงผล
-
การกำจัดสารสนเทศที่ไม่ต้องการ
n
ส่วนบุคคล
หมายถึง
การที่บุคคลมีความต้องการหรือความจำเป็นในการใช้สารสนเทศหนึ่ง ๆ
ในการประกอบกิจการงานหรือการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น
n
บัญชีรายชื่อและที่อยู่ของลูกค้าของบริษัทแห่งหนึ่งเป็นสารสนเทศที่มีความสำคัญต่อพนักงานขายของบริษัทนั้น
แต่ไม่เป็นที่ต้องการของพนักงานในหน่วยผลิตของบริษัทเดียวกัน
ยุคของการใช้กระดาษเป็นหลัก
nส่วนใหญ่อาศัยกระดาษเป็นหลักและมักมีตู้เก็บเอกสารเป็นส่วนประกอบ
ซึ่งระบบนี้ก็ยังเป็นระบบที่ใช้อยู่จนอยู่ถึงปัจจุบันในหลายสถานการณ์ ได้แก่
-
สมุดโน๊ต
-
สมุดจดที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์
nระบบที่ใช้กระดาษนี้เป็นระบบที่ง่ายต่อการเรียนรู้และการใช้งาน
nส่วนจุดด้อยมีหลายประการที่สำคัญคือ
nการค้นหาข้อมูลค่อนข้างยาก
หากไม่มีระบบจัดเก็บและสืบค้นข้อมูลที่ดี
nปัญหาเชิงเทคนิคบางประการ เช่น
-
การเชื่อมโยง (link) - การแปลง
(transfer)
-
การขนถ่าย (transport)
ยุคของการใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก
n การเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน สามารถกระทำได้โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
n การแปลงข้อมูลจากรูปแบบหนึ่งไปอีกรูปแบบหนึ่ง สามารถกระทำได้ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่าง ๆ มักมีฟังก์ชัน (function) เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมนั้น ๆ อยู่แล้ว
nการขนถ่ายข้อมูล การขนถ่ายข้อมูลจำนวนมากจากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่ง สามารถกระทำได้ โดยใช้ดิสเกตต์และซีดีรอมเป็นสื่อบันทึกข้อมูล
n แม้ระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลในรูปคอมพิวเตอร์จะมีจุดดีหลายประการ แต่ก็มีจุดด้อยเช่นกัน คือ
n ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่สูงกว่าระบบที่ใช้กระดาษ
n สำหรับบุคคลที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์ จะต้องเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากระบบให้มากที่สุดและต้องใช้เวลานานที่จะเรียนรู้ระบบนี้
n
n ระบบคอมพิวเตอร์ในการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งกระดาษได้ทั้งหมด จะต้องหาวิธีการเปลี่ยนรูปกระดาษเป็นรูปที่คอมพิวเตอร์อ่านได้ (computer-readable form) เพื่อจัดเก็บไว้ใช้ในการอ้างอิง
nระบบที่พัฒนาขึ้นมามีความแตกต่างค่อนข้างมาก รวมถึงฟังก์ชันการทำงานหลักเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ ได้แก่
n
ฟังก์ชันนัดหมาย
n
ฟังก์ชันติดตามงาน
n
ฟังก์ชันติดต่อสื่อสาร
nการพัฒนาระบบในช่วงปลายทศวรรษ 1990
ได้เริ่มคำนึงถึงการเชื่อมโยงสารสนเทศส่วนบุคคลของกลุ่มบุคคลที่ทำงานร่วมกันเข้าด้วยกัน
nแนวคิดการเชื่อมโยงสารสนเทศส่วนบุคคลโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เรียกว่า การจัดการสารสนเทศของกลุ่ม (Group Information
Management, GIM) โดยมีความพยายามที่จะพัฒนา ระบบจัดการสารสนเทศของกลุ่ม
(Group Information Manager, GIM)
GIM เป็นตัวย่อในภาษาอังกฤษที่ใช้ร่วมกันสำหรับการจัดการสารสนเทศของกลุ่มและระบบจัดการสารสนเทศของกลุ่ม
องค์ประกอบของระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
nระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลในรูปคอมพิวเตอร์จะมีความแตกต่างค่อนข้างมากทั้งด้านรูปลักษณ์ ระดับความสามารถในการทำงาน และราคา
n
เมื่อพิจารณาตามโครงสร้างของระบบที่ใช้หลักการจัดการฐานข้อมูลแล้ว พบว่ามีองค์ประกอบที่เหมือนกัน คือ
n
ส่วนรับเข้า
n
ส่วนประมวลผล
n
ส่วนแสดงผล
n
ส่วนรับเข้า (input
unit) แบ่งออกเป็นสองส่วนย่อย คือ
n ความต้องการด้านสารสนเทศของผู้ใช้
เช่น ความจำเป็นในการเชื่อมโยงข้อมูลจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง
และการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เป็นต้น
n ข้อมูลที่เข้าสู่ระบบ อาจมีความหลากหลายทั้งด้านเนื้อหาสาระและรูปแบบ
n
ส่วนประมวลผล (processing unit) หมายถึง
n กลไกที่ทำหน้าที่ในการจัดหมวดหมู่
n
หาสถานที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลเพื่อสามารถนำออกมาใช้ได้
n
รวมทั้งการจัดวิธีการเข้าถึงข้อมูลด้วย
nส่วนแสดงผล (output unit)
n เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากส่วนหนึ่ง
เพราะผู้ใช้จะพึงพอใจระบบมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้จากระบบ
nการแสดงผลในระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลนั้น
มักขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ระบบเป็นหลัก
ประเภทของระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
n
การจำแนกตามรูปลักษณ์ ได้แก่
nประเภทโปรแกรมสำเร็จ
n ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์มีทั้งในลักษณะใช้งานอิสระ (stand
alone version) และผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์การ (network version)
n
ฟังก์ชันการทำงานหลัก ได้แก่
n
ฟังก์ชันนัดหมาย
n
ฟังก์ชันติดตามงาน
nฟังก์ชันการติดต่อสื่อสาร
nโปรแกรมสำเร็จที่ใช้ในงานสำนักงานทั่วไป เช่น
nโปรแกรมไมโครซอฟท์เอาท์ลุก (Microsoft Outlook) เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศ (Microsoft
Office)
nโปรแกรมโลตัสออกาไนเซอร์ (Lotus Organizer) เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมโลตัสสมาร์ทสวีท (Lotus SmartSuite)
nประเภทอุปกรณ์เฉพาะ
n
เป็นการรวมฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันไว้ในรูปแบบที่มีลักษณะเฉพาะ
nขนาดเล็กกะทัดรัต
nน้ำหนักเบามาก
nพกพาได้สะดวก
nใช้กระแสไฟฟ้าตรงจากแบตเตอรี่เป็นหลัก
nส่วนมากจะมีความสามารถด้านการสื่อสาร ใช้งานง่าย
และราคาไม่แพง
เรียกอุปกรณ์เฉพาะว่า “เครื่องพีดีเอ” (Personal Digital
Assistant, PDA)
n
การจำแนกตามฟังก์ชันการทำงาน
n ประเภทพื้นฐาน
nเป็นระบบที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด
n
ประกอบด้วยฟังก์ชันการทำงานหลักสามฟังก์ชันที่มีระดับความสามารถในการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ได้แก่
nฟังก์ชันนัดหมายส่วนบุคคล
nฟังก์ชันติดตามส่วนบุคคล
nฟังก์ชันติดต่อสื่อสารแบบพื้นฐาน ใช้จัดเก็บข้อมูล ชื่อ-สกุล
ที่อยู่
และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่มาติดต่อ
เกณฑ์การเลือกระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
nเป้าหมาย
n
พิจารณาเป้าหมายส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของผู้ที่จะใช้ระบบ
n
พิจารณาเป้าหมายขององค์การ รวมทั้งลักษณะ ประเภท และนโยบายหลักขององการด้วย
nความต้องการด้านสารสนเทศ พิจารณาเรื่องวัตถุประสงค์ขอบเขตในการนำระบบมาใช้
เช่น
n
ต้องการระบบนัดหมายส่วนบุคคลหรือระบบนัดหมายกลุ่ม
n
ต้องการระบบติดตามงานหรือไม่
nราคา
nพิจารณาเรื่องวัตถุประสงค์ที่สามารถจำกัดประเภทของระบบที่จะเลือกเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้
n
ทั้งนี้ เนื่องจากระบบนี้มีความหลากหลายมากในด้านราคา
ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความสามารถในการทำงานของระบบเป็นหลัก
nความยากง่ายในการใช้งาน
n
พิจารณาเรื่องการเข้าถึงระบบ
การป้อนสารสนเทศเข้าสู่ระบบ
รวมถึงฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ ของแต่ละระบบ
n
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถประเมินได้ว่าระบบนั้นๆ
จะเหมาะสมและสอดคล้องกับพื้นความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีของผู้ที่จะใช้ระบบหรือไม่
nพิจารณาเรื่องวัตถุประสงค์ในการใช้เวลามากน้อยเพียงใดในการเรียนรู้ระบบ
nจะคุ้มค่าหรือไม่กับเวลาที่ต้องเสียไป
ระบบนัดหมายส่วนบุคคล
nระบบนัดหมายส่วนบุคคลหรือปฏิทินการทำงานส่วนบุคคลเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พบในระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลโดยทั่วไป
nระบบนี้มีลักษณะคล้ายสมุดนัดหมายบุคคลที่เป็นกระดาษ
nเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารเวลาของแต่ละบุคคล
nช่วยให้มีการใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคคลที่มีเวลาค่อนข้างจำกัด เช่น
n ผู้บริหาร
n นักธุรกิจ
nการใช้งานระบบ
nเป็นระบบที่ใช้งานง่าย
ผู้ใช้เพียงเลือกวันและเวลาที่ต้องการจะบันทึกข้อมูลการนัดหมายและพิมพ์ข้อมูลในช่องที่กำหนดให้
nระบบจะมีวิธีการบันทึกข้อมูลแบบลัด (shortcut) เพื่อให้บันทึกข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
nส่วนการค้นหาข้อมูลสามารถกระทำได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์
หรือรายปี
และสามารถใช้ฟังก์ชันทำซ้ำ (copy)
ช่วยในการบันทึกข้อมูลลงในวันเวลาที่ต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่
nหากมีกิจกรรมมากกว่าหนึ่งกิจกรรมซ้ำซ้อนในเวลาเดียวกัน
ระบบจะเตือนให้ผู้ใช้ทราบเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
nมีสัญญาณเตือนการนัดหมาย (appointment
alarm)
เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย
ซึ่งสัญญาณนี้อาจเป็นเสียงหรือข้อความก็ได้และมีการเตือนล่วงหน้าด้วย
ปัจจัยในการใช้งานของระบบนัดหมายกลุ่ม
n สมาชิกทุกคนในกลุ่มต้องใช้ระบบนัดหมายส่วนบุคคลในการบริหารเวลาของตนเองและควรเป็นระบบเดียวกัน
n
มาตรฐานที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคล (Personal
Data Interchange, PDI) ระหว่างโปรแกรมนัดหมายคือ มาตรฐานวี-กาเล็นดาร์ (vCalendar
หรือ
vCalendar
specification)
nระบบนัดหมายส่วนบุคคลที่สมาชิกทุกคนใช้จะต้องสามารถเข้าถึงโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบติดตามงานกลุ่ม
nระบบติดตามงานกลุ่ม
เป็นการนำระบบติดตามงานส่วนบุคคลมาใช้ประโยชน์ในการบริหารระบบองค์การ รวมทั้งการบริหารโครงการด้วย
nปัจจัยที่ทำให้การใช้งานของระบบติดตามงานกลุ่มจะประสบผลสำเร็จ
คือ
n บุคลากรทุกคนต้องใช้ระบบติดตามงานส่วนบุคคลในการบริหารงานและเวลาของตนเองและใช้ระบบเดียวกัน
n ระบบติดตามงานส่วนบุคคล สมาชิกทุกคนใช้จะต้องสามารถเข้าถึงโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบติดต่อสื่อสารแบบพื้นฐาน
nเป็นระบบพื้นฐานหรือระบบที่ซับซ้อนน้อยที่สุด
n
มีเพียงฟังก์ชันที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นของบุคคลที่ผู้ใช้ระบบเกี่ยวข้องหรือติดต่อสื่อสารด้วยทั้งในส่วนการงานและส่วนตัว (business
and personal contacts)
n
เป็นระบบที่มีเพียงฐานข้อมูลของบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งประกอบด้วยข้อมูลต่างๆที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ
หรือการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ระบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น